วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560

Sky & Sea (yugjae) #ฟิคสั้นพีจีวาย


NOTE:: #yugjae

TAG:: #ฟิคสั้นพีจีวาย

Twitter:: @pgy_j

Writer:: Maples_pgyj

SONG:: Sky & Sea (เอิ๊ต ภัทรวี)





มองที่มุมเดิมๆ อยู่ตรงที่เดิมๆ
ข่มใจตัวเองเอาไว้ ทั้งรู้ข้างใน หวั่นไหวเมื่อใกล้เธอ
เพียงเอื้อมมือเท่านั้น ก็ไปได้ถึงตัวเธอ
แต่หัวใจยังห่างไกล รักเท่าไร เธอไม่รู้เลย



“พี่ยองแจครับ!!!” ผู้ชายตัวสูงวิ่งกระหืดกระหอบพร้อมกับลำแขนแกร่งทั้งสองข้างที่หอบหิวเอาหนังสือจำนวนมากเอาไว้แนบอก ใบหน้าหล่อแต่ถ้าจะมองอีกมุมก็ยังคงดูน่ารักไม่ยอกเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดใสจำนวนไม่น้อยที่ค่อยๆไหลลงมาจากผมสีเข้ม

“หือ? มีอะไรหรอยูคยอม” ผู้ชายตัวเล็กผิวขาวดูสะอาดตาหันไปถามคนเป็นรุ่นน้องที่ยืนเหนื่อยหอบอยู่ด้านหลังด้วยความสงสัย แต่ไม่นานความสงสัยที่มีนั้นก็หายวับไปเมื่อมือหนาของคนเป็นรุ่นน้องยื่นสมุดแลกเชอร์สีน้ำตาลอ่อนมาให้ ยองแจฉีกยิ้มเจือนๆอย่างเกรงใจคนเป็นน้องรหัสก่อนจะเอื่อมมือไปรับเอาสมุดแลกเชอร์ของตนในมือหนานั่น

“ขอบคุณสำหรับแลกเชอร์นะครับพี่ยองแจ ถ้าไม่ได้แกเชอร์ของพี่ควิซคาบเมื่อกี้ผมคงซวยแน่ๆเลย” ริมฝีปากหยักวาดยิ้มกว้างอย่างเป็นธรรมชาติให้กับร่างบางตรงหน้า “งั้นเดี๋ยวผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

“หอเราอยู่ไหนเดี๋ยวพี่ไปส่ง เอาหนังสือมาให้พี่ด้วยจะช่วยถือ” ร่างบางว่าก่อนจะแบ่งเอาหนังสือจำนวนหนึ่งมาหอบเอาไว้เท่าที่กำลังตัวเองจะสามารถ ยูคยอมมองคนพี่ยิ้มๆอย่างดีใจ ถึงแม้พี่รหัสของเขาจะช่วยเหลือเขาบ่อยๆก็เถอะนะแต่ทุกการช่วยเหลือจากพี่รหัสแสนน่ารักคนนี้มักทำให้ยูคยอมดีใจจนใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ

“จะดีหรอครับ มันหนักนะ”

“นี่เราเป็นน้องรหัสพี่นะแล้วอีกอย่างพี่ก็ยังไม่เคยไปดูที่หอเราเลย พี่ก็อยากรู้เหมือนกันนะว่าน้อยรหัสของพี่อยู่ยังไง” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นสบดวงตาคมอย่างจริงจัง ทำเอายูคยอมใจเต้นรัวถี่ยิ่งกว่าเดิมมือหนาเปียงชื้นไปด้วยเหงื่อจำนวนไม่น้อยที่ไมรู้ว่าออกตั้งแต่เมื่อไหร่ ยูคยอมหลบตายองแจก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินนำคนพี่ไปที่หอของตัวเอง

พอไปถึงหอทยูคยอมก็ชวนยองแจให้ไปนั่งดื่มน้ำที่ห้องตามมารยาทก่อนจะคุยกันไปมาแลกเปลี่ยนกันสรรพเพเหระ จนฟ้าเริ่มมืดลงแต่ยองแจนั้นก็ไม่ยอมกลับเสียที ด้วยเหตุผลที่ว่ายังไม่อยากกลับบ้านยองแจเลยเอาหนังสือมาช่วยติวให้ยูคยอมไปด้วย จนเวลาล่วงเลยไปถึงสามทุ่มครึ่งยูคยอมจึงขอตัวไปอาบน้ำก่อนเพราะความเคยชิน

ร่างสูงรูปร่างสัดสวนดูดีเทียบเท่านายแบบชื่อดังออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับเสื้อผ้าที่ใส่เพื่อเตรียมนอนแล้วเสร็จสรรพ ทันทีที่เปิดประตูออกมาก็เจอกับร่างเล็กของพี่รหัสจอมดื้อกำลังนอนหลับคาโต๊ะโดยใช้แขนต่างหมอนหนุน…

ยูคยอมนั่งพิจารณาใบหน้าหวานของคนเป็นพี่รหัสอย่างเพลิดเพลิน จนบางที่อาจจะเพลินไปหน่อยจนทำให้ใบหน้าของเขาขยับเขาไปใกล้ๆใบหน้าหวานของคนเป็นพี่เรื่อยๆ ลมหายใจอุ่นร้อนไม่ได้ทำให้คนที่หลับใหลอยู่ตื่นแต่อย่างใดแต่ทำเพียงแค่ครางอื้ออึงในลำคอขณะที่ริมฝีปากหยักของร่างสูงแตะลงบนกลีบปากสีชมพูระรื่ออย่างแผ่วเบาเท่านั้น ยูคยอมไม่ได้ทำอะไรมากเพียงแค่แช่ปากตัวเองค้างอยู่บนกลีบปากบางอยู่นานนับหลายวินาทีพร้อมๆกับเสียงหัวใจของเขาที่เต้นรัวจนแทบออกมาจากอก

ยูคยอมน่ะ…

ชอบยองแจมาตั้งนานแล้ว…

แต่ไม่เคยคิดที่จะบอกความในใจออกมาแม้แต่ครั้งเดียว






แผ่นฟ้าคราม.. และน้ำทะเล..
ไม่ต่างกับเธอและฉัน ที่ดูเหมือนใกล้กัน
แต่ความจริงนั้นไกลเหลือเกิน..







ความรู้สึกทั้งหมดที่ยูคยอมมีให้ยองแจอาจจะไม่ถึงครึ่งกับที่ยองแจนั้นมีให้ใครอีกคน แต่เขาคิดว่าความรู้สึกที่เขามีให้ร่างบางที่กำลังพูดเจือยแจวอยู่โต๊ะอาหารอีกฟ้ากหนึ่งของโรงอาหารนั้นก็มีไม่ได้น้อยไปกว่าคนที่ยองแจนั้นมอบความรู้สึกให้หรอก

ร่างสูงค่อยๆตักอาหารคำสุดท้ายเข้าปากแต่สายตาก็ยังมองไปยังพี่รหัสของเขาอย่างไม่วางตา จนเพื่อนรวมโต๊ะของเขาถึงกับกรอกตาเป็นรูปวงกลมสามร้อยหกสิบองศาให้ก่อนจะเอ่ยเรียกคนเป็นเพื่อนด้วยน้ำเสียงล้อเลียน

“แหม...ถ้ามึงจะมองขนาดนี้ไม่วิ่งถือจากข้าวไปนั่งกับพี่เค้าเลยล่ะครับ” ยูคยอมล่ะสายตาออกจากยองแจก่อนจะหันขวับไปส่งต้อนวงโตให้เพื่อนสนิทอย่าง มาร์ค ต้วน

“ไม่เสือกสักเรื่องจะตายมั้ยครับเพื่อนมาร์ค” พูดจบก็หันไปมองที่จุดเดิมต่อแต่ร่างสูงกลับหน้ามุ้ยลงจนคนเป็นเพื่อนมาร์คสังเกตได้ชัดเจน มาร์คหันไปมองทางที่เพื่อนตัวเองมองบางก่อนจะพบสาเหตุที่ทำให้เพื่อนตัวเองต้องหุบยิ้มลงดื้อๆ จะใครซะอีกล่ะถ้าไม่ใช่พี่แจบอมพี่ว๊ากคณะวิศวะหน้าเหวี่ยงโลกแฟนพี่ยองแจ มาร์คคิดก่อนจะเอื่อมมือไปตบบ่าเพื่อปุ๊ๆ

ยูคเอ้ย...ถึงมึงจะได้ใกล้ชิดพี่เค้า แต่ยังไงมันก็ยังไกลเกินมึงเอื่อมอยู่ดีวะ

มาร์คได้แต่พูดปลอบใจเพื่อนตัวเองในใจ







อยากบอกเธอ เมื่อไหร่ที่เธอเหงาไม่มีใคร
เธอจะยังมีฉันคอยอยู่ตรงนี้ไม่ไกล
ให้เป็นดั่งเงาสะท้อนบนผืนน้ำ
มองลงมาเมื่อใด ก็เห็นฟ้าที่งดงาม





ฝนตกพร่ำลงบนพื้นถนนพร้อมๆกับเสียงฟ้าร้องที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ ฝนเม็ดใหญ่ที่ตกลงมาจากฝากฟ้าตกกระทบลงบนร้องเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดซ้ำเข้าบ่อยๆจนมันเปียกและสีหม่นหมองลงอย่างน่าเสียดาย แต่เจ้าของมันกลับไม่นึกเสียดายมันแต่อย่างใด ดวงตาเรียวรีทอดมองพื้นถนนหน้าหอพักอย่างเหม่อลอยภายในหัวสมองว่างเปล่าไร้ซึ่งเรื่องราวน่าปวดหัว มือบางยกเบียร์กระป๋องขึ้นจิบเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของค่ำคืนนี้

ยองแจเหงา...เหมือนสวนที่หายไปยังไม่เคยได้รับการเติมเต็มจากคนที่เรียกว่าแฟนเสียที มีแต่เขาที่มอบความรักความสนใจและความเข้าอกเข้าใจให้อีกฝ่ายเพียงอย่างเดียว มีน้อยครั้งนักที่จะได้รับมันกลับแต่ก็ไม่เคยได้รับมันสม่ำเสมอเสียทีจนบางทีเขาเองก็นึกเหนื่อยขึ้นมา อยากได้รับความสนใจและความเข้าใจจากคนรักของเขาบ้างเหมือนกันหรือใครก็ได้...ใครสักคนที่พวกจะให้เขากอดไม่ใช่หนีหายไปเที่ยวเตร่ตอนค่ำคืนแบบคนรักของเขา

มือเรียวล่ะออกจากกระป๋องเบียร์ราคาไม่แพงมากมาเป็นการกอดตัวเองก่อนที่ใบหน้าหวานสวยจะแหงนขึ้นรับหยาดน้ำจากฟากฟ้าอย่างเต็มที่...จริงๆการกอดตัวเองก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ มันก็เหมือนกับที่ใครคนหนึ่งที่ยืนตากฝนมองร่างบางก็ทำด้วยเช่นกัน แขนแกร่งโอบรอบแผ่นอกหนาของตัวเอง สายตาอันเหงาหงอยเหม่อมองไปที่คนตัวเล็กที่กำลังแหงนหน้ามองฟ้าไปด้วยอย่างชั่งใจว่าจะเข้าไปคุยด้วยดีไหม เขารู้ว่าทำไมยองแจถึงออกมาอย่างนี้ในเวลาแบบนี้ เรื่องแบบนี้คงหนีไม่พ้นแฟนหนุ่มของยองแจที่มักออกไปข้างนอกบ่อยๆเป็นแน่

“พี่ยองแจ…” ในที่สุดร่างสูงก็ตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งข้างๆคนตัวเล็กก่อนจะเอ่ยทักทายด้วยคำที่มักใช้เป็นประจำ ใบหน้าหวานที่แหงนมองฟ้าหันมามองเขาก่อนจะวาดยิ้มบางๆส่งให้คนเป็นน้องรหัส “ทำไมพี่ถึงออกมาตากฝนแบบนี้ล่ะครับ เดี๋ยวก็ไม่สะบายเอาหรอกนะครับ” สายตาเป็นห่วงที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจถูกส่งไปให้คนเป็นพี่

“ยังไม่ง่วงน่ะ...แล้วเราล่ะมาทำอะไรแถวนี้ทำไมไม่เอาร่มออกมาด้วย” น้ำเสียงแสนเหงาถูดเอ่ยออกมาจากริมฝีปากบางก่อนริมฝีปากนั้นจะแตะลงบนกระป๋องเบียร์และรับน้ำรสชาติขมซ่าบาดคอเข้าปาก

“มาเดินเล่นนะครับ ไม่คิดว่าฝนมันจะตกก็เลยไม่ได้พกร่มมาเลย” ประโยคโกหกคำโตถูกพูดออกมาจากร่างสูง แววตาวูบไหวจ่องมองกระป๋องเบียร์ในมือเรียวสวย เขาไม่อยากให้ยองแจดื่มมันเลย ไม่อยากให้ยองแจต้องมาเสียสุขภาพเพราะเบียร์กระป๋องโง่ๆนี่

“ดื่มหน่อยมั้ย” เบียร์กระป๋องใหม่ถูกยืนไปให้ยูคยอม สายตาออดอ้อนถูกส่งมาให้คนเป็นน้องโดยที่เจ้าของสายตาไม่แม้จะรู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังทำอะไรบางในตอนนี้ เพราะเบียร์ที่เขาค่อยๆจิบเรื่อยๆจากหนึ่งกระป๋องเพื่อมขึ้นเรื่อยๆเป็นสี่และห้าทำให้เขาเริ่มจะกรึ่มๆมึนๆขึ้นมาบางแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเมาอะไร ยูคยอมหยุดคิดสักพักก่อนจะยื่นมือไปรับเบียร์กระป๋องมาจากมือพี่รหัสเพราะเขาดัเหลือบไปเห็นเบียร์ที่ยังไม่ได้เปิดดื่มภายในถุงซุปเปอร์มาร์เก็ตยังเหลืออีกหลายกระป๋อง เขาเลยอยากจะช่วยดื่มให้หมดๆไปพี่รหัสของเขาจะได้ไม่ต้องดื่มมันเยอะขนาดนั้น

“ขอบคุณครับ” ยูคยอมกระดกดื่มเบียร์กระป๋องนั้นรวดเดียวจนหมดภายในเวลาไม่กี่นาที ก่อนจะเอื่อมไปหยิบอีกกระป๋องมาเปิดแล้วกระดกขึ้นดื่มรวดเดียวอีกเหมือนเดิม กระป๋องที่สองหมดไปกระป๋องที่สามสี่และห้าก็ตามมาติดๆพร้อมๆกับพี่รหัสที่ค่อยๆจิบมันไปเรื่อยๆพลางมองน้องรหัสตัวเองอย่านึกขัน

ทั้งสองดื่มไปคุยกันไปสารพัดเรื่องราวเท่าที่คนเป็นพี่รหัสน้องรหัสจะสรรหามาพูดคุยแรกเปลี่ยนกันได้ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่สารพัดเรื่องราวในคณะนั้นจะแปลเปลี่ยนเป็นการพูดคุยปัญหาเรื่องส่วนตัวเนื่องจากทั้งสองเริ่มเมากันแล้วเล็กน้อยจนแอลกอฮอล์ทำให้พวกเขายอมพูดปัญหาส่วนตัวออกมา แต่คงจะมีคนเดียวนี่แหละที่เอาแต่พูดบ่นนั่นนี่ให้อีกคนฟัง ยูคยอมก็ยังนั่งมองหน้าพี่รหัสพร้อมกับสองหูที่รับฟังความทุกข์ใจของอีกฝ่ายอย่างไม่นึกเบื่อ

“นี่คงจะกระหายเบียร์มากนะเนี่ยซัดเอาๆซะจนจะหมดถุงอยู่แล้ว” ยองแจพูดปนขำก่อนจะกระดกส่วนที่เหลือลงคอแล้วหยิบกระป๋องใหม่ขึ้นมาเปิดแต่กระป๋องเบียร์กระป๋องสุดท้ายนั้นกลับมือมือหนามาคว้าเอาไว้พร้อมๆกันกับเขา ยองแจเงยหน้าขึ้นสบดวงตาคมที่มองเขาด้วยแววตาหวานเยิ้ม นี่คงเมาจริงๆแล้วใช่มั้ย ยองแจคิดในใจเพราะเขาเองก็เริ่มจะมีอาการมึนๆแล้วเหมือนกัน ดวงตาสบกันเนิ่นนานจนคนที่มีสติที่สุดอย่างยองแจถึงกลับต้องเสมองทางอื่นเพราะไม่สามารถต้านทานแววตาที่ยูคยอมใช้มองเขาไม่ได้ มันดูเหงาพร้อมๆกับกำลังอ้อนวอน อ้อนวอนอะไรบางอย่าง

“เคลียดๆหน่อยน่ะครับ...พี่ยองแจ” ยูคยอมเปิดกระป๋องเบียร์กระป๋องสุดท้ายก่อนจะยกขึ้นกระดกมันเข้าปากอีกรอบแต่ยองแจที่มีสติมากกว่าเล็กน้อยแย่งมันมากระดกเข้าปากตัวเองแทน น้ำรสชาติขมบาดคอไหล่ลงโพรงปากร่างบางพร้อมกับมีบางส่วนที่ล้นออกมาจากปากของยองแจด้วย เขาไม่อยากให้น้องรหัสเมาเพราะกลัวว่าอาจจะล้มหรือไปโวยวายกวนเท้าใครระหว่างทาง จนกลายเป็นว่าตอนนี้คนพี่เมากว่าคนน้องไปเสียแล้ว

ยองแจทิ้งหัวหนักๆของตัวเองลงบนแผ่นอกกว้างของน้องรหัสก่อนที่มือเรียวบางจะโอบรอบเอวสอบจนคนโดนกอดถึงกับทำตัวไม่ถูก หัวใจผู้ซื่อตรงเต้นรัวเร้าอีกครั้งยามที่ยองแจถูไถหัวทุยไปมาที่อกของเขาอย่างออดอ้อน






บอกรักเธอทีไร ก็บอกได้แค่ในใจ
เข้าข้างตัวเองเสมอ แอบหวังให้เธอ มีฉันในสายตา







“ยูคยอมอ่าาาา พี่เหงาชะมัดเลย”

“....”

“ทำไมเค้าไม่เคยเข้าใจอะไรพี่บางเลยนะ แทนที่ตอนกลางคืนพี่จะต้องได้อ้อมกอดจากเค้าแต่เค้าก็ไม่เคยอยู่กอดพี่เลย พี่ต้องกอดหมอนข้างแทนทุกๆคืน...พี่เหงายูคยอม...พี่อยากได้สักคนที่สนใจ ใส่ใจและเข้าใจความรู้สึกของพี่…”

“.....” ยูคยอมไม่ได้พูดอะไรเขาทำเพียงแค่ยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มที่ตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนอย่างเบามือพร้อมกับมืออีกข้างก็กอดร่างบางเอาไว้ เขาเองก็เหงา...เขาเหงาที่ยังไม่มีใคร เขาเหงาที่คนที่เขารักหมดใจมีเจ้าของแล้ว อยากจะแย้งแต่ก็ทำไม่ได้เพียงเพราะเขาอยากเป็นคนดีในสายตาของยองแจ ไม่อยากให้คนในอ้อมกอดตอนนี้มองเขาเป็นคนไม่ดี

จมูกโด่งกดลงกลุ่มผมสีดำสนิทพร้อมๆกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาปะปนกับเม็ดฝนที่ตกลงมาไม่หยุด



ใช่...เขากำลังร้องไห้



และคนในอ้อมกอดของเขาก็กำลังร้องไห้เหมือนกัน ริมฝีปากบางก็ยังพูดพร่ำอย่างนั้นอย่างนี้ถึงคนรักของตัวเองไม่หยุดทั้งที่ใบหน้ากำลังซุกอยู่ในอกของใครอีกคน ทุกคำพูดที่กล่าวถึง อิม แจบอม คนรักของร่างบางในอ้อมอกทำให้ยูคยอมน้ำตาไหลเป็นทางด้วยความเจ็บปวดสองแขนโอบรัดเอวบางเอาไว้จนแน่นราวกับว่านี่เป็นกอดสุดท้าย ยูคยอมขบกัดริมฝีปากเพื่อสะกดกลั้นก้อนสะอื้นของตนเพื่อปล่อยให้ร่างบางได้ร้องและสะอื้นไห้อยู่คนเดียว

“ยูคยอม...พี่รักเขามากเกินไป ฮึก...พี่รักเขามากยูคยอมพี่อยากมีคนอื่นแต่พี่ทำไม่ได้ ฮึก...” คำว่ารักเหมือนกับใบมีดคมที่กรีดลงกลางหัวใจโง่ๆของเขาที่กำลังบอบช้ำให้เป็นแผลลึกยิ่งกว่าเดิม ยูคยอมเจ็บ...เขาเจ็บเหมือนหัวใจของตัวเองโดนบีบเค้นจนเละคามือคนที่เขารัก เขาเจ็บปวด...เจ็บปวดที่ไม่อาจจะบังคับให้คนในอ้อมกอดมารักเขาได้เหมือนที่เขารัก


ยองแจ…


ผมรักพี่


ผมรักพี่มากเกินไปเหมือนกัน


ผมรักพี่ยองแจ พี่เคยได้ยินบางไหม!!!

ถึงอยากจะจับตัวร่างบางออกมาเขย่าๆแล้วตะโกนพร่ำบอกว่ารักใส่หน้าแต่ก็ทำไม่ได้ สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้เพียงแค่เงียบปล่อยให้น้ำตาไหล่รินลงพร้อมกับหยาดฝน ปล่อยให้เสียงฟ้าร้องดังกลบเสียงสะอื้น ใช้เพียงสองแขนโอบรอบเอวบางเอาไว้อย่างแผ่วเบาเท่านั้น เขาทำอะไรไม่ได้เลย





แม้ฉันไม่ได้เป็นคนที่เธอรัก ก็เพียงพอแล้ว..
ที่มุมนี้.. มุมที่มีแค่ฉันข้างเดียวก็สุขใจ






‘ฝันดีนะครับพี่ยองแจ...’

‘อื้ม ขอบใจนะที่ดื่มเป็นเพื่อน’




ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนถูกฉายซ้ำในหัวของร่างสูงอยู่หลายรอบราวกับโดนซ้ำเติมให้จมปลักอยู่แต่กับมันจนไม่เป็นอันเรียน เวลาสี่ชั่วโมงในคลาสผ่านไปโดยเขาเองแทบไม่ได้อะไรจากการเข้าเรียนครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ได้รับมาเพียงอย่างเดียวคือความเจ็บปวดและฉอกช้ำราวกับดวงใจโง่ๆนี้ถูกเหยียบจนแหลกคาพื้นอยู่หลายสิบรอบ จากคำพูดบอกเล่าเรื่องราวของยองแจและคนรักของเขาเมื่อคืน คำว่ารักอิม แจบอม ที่หุดออกมาจากกลีบปากบางซ้ำไปซ้ำมาทำให้เขาแทบอยากจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วร้องไห้ออกมาอีกระรอก

“ไอ้ยูคเย็นนี้พวกพี่ๆสายรหัสกูกับมึงเค้านัดกันไปกินเลี้ยงพี่เค้าบังคับให้ไป มึงจะไปม้ะ?” คำถามของเพื่อนสนิทที่อยู่ๆก็ถามขึ้นมาทำเอายูคยอมตกใจแทบสะดุ้ง กินเลี้ยงสายรหัสงั้นหรอ? ไม่ไปคงเสียมารยาทแน่ ยูคยอมคิดในใจ นอกจากเขาจะกลัวเสียมารยาทแล้วประโยคคำถามเมื่อกี้ของเพื่อนสนิทมันมีคำว่าบังคับด้วยเพราะฉนั้นแปลว่าไม่ไปไม่ได้

“อื้ม ไปก็ไป”
.

.

.

.

.

ร่างสูงของผู้ชายสองคนย่างก้าวเข้ามาในงานพร้อมๆกับสายตาของหญิงสาวมากมายในร้านที่จับจ้องมาทางพวกเขาสองคนอย่างไม่วางตา แต่นั้นไม่ได้ทำให้พวกเขาสนใจแต่อย่างใด ชายหนุ่มในชุดเที่ยวกลางคืนที่ดูเท่ห์และเซ็กซี่ไม่หยอกเดินตรงไปหากลุ่มรุ่นพี่ที่กำลังกวักมือเรียกด้วยหน้าตายิ้มแย้ม

“เป็นไงเฮียน้องรหัสผมหล่อป้ะ?” ทันทีที่ยูคยอมไปถึงโต๊ะพี่รหัสสุดน่ารักของเขาก็ดึงแขนคนน้องมาหาตัวเองก่อนจะใช้เรียวแขนเล็กโอบรอบคอคนน้อง ยูคยอมมองหน้าพี่รหัสตอนก่อนจะหันไปยิ้มให้พี่อีกคนบ้าง

“อื้มผ่าน ดูท่าจะฮอตน่าดูเลยนะเนี่ย” ผู้ชายร่างหนาผมสีทองสว่างว่า

“ก็แหงล่ะ น้องรหัสมันก็ต้องหล่อเหมือนพี่มันอยู่แล้วเนอะยูคยอม” ไหล่บางแกล้งกระแซะต้นแขนร่างสูงเบาๆ ยูคยอมก็ได้แต่ก้มหงุดเพราะความเขินที่อยู่ๆพี่รหัสที่ตัวเองแอบชอบมาชมว่าหล่อ มันก็ไม่บ่อยหรอกนะที่ยองแจจะชมยูคยอมอย่างออกหน้าออกตาขนาดนี้ ยูคยอมจะเขินก็คงไม่แปลก

หลังจากแนะนำตัวพูดคุยพบปะกันมาได้สักพักแล้วยูคยอมกับมาร์คก็ขอปลีกตัวไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่งบาง แต่ยังไงโต๊ะที่ยูคยอมและมาร์คเลือกนั่งก็คงไม่พ้นโต๊ะที่สามารถมองเห็นยองแจได้ชัดเจนอยู่ดี งานเลี้ยงรื่นเริงดำเนินไปอย่างสนุกสนานเมาบ้างเต้นบางตามจังหวะอารมณ์ ทุกอย่างทุกการกระทำของยองแจนั้นก็มักจะอยู่ในสายตาของคนเป็นน้องเสมอไม่ว่าจะเป็นตอนที่คนร่างเล็กเมาจนหัวทิ่มโต๊ะ ตอนที่ร้องโวยวายออกมาอย่างน่ารักหรือไม่เว้นแต่…

“...”

“โหยยยยย ถ้าจะทำขนาดนี้มึงสองตัวลากกันขึ้นไปบนห้องเลยไป๊!” เสียงโห่ร้องด้วยน้ำเสียงล้อเลียนจากรุ่นพี่และคนในงานดังขึ้นแต่นั้นก็ไม่อาจจะทำให้ยูคยอมนั้นสนใจมันมากเท่ากับภาพของร่างสองร่างที่ประกบปากคลอเคลียกันอยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อย มือหน้ากำแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้จนแน่นเพื่อสะกดกั้นอารมณ์ เขาอยากจะเดินหนีไปให้พ้นๆเสียแต่ก็ไม่อาจจะทำได้ในเมื่อหัวใจโง่ๆของเขาอยากจะเก็บภาพความทรงจำอันแสนโหดร้ายเอาไว้ ร่างสูงทำได้เพียงแค่นิ่งเงียบมองภาพตรงหน้าตาด้วยขอบตาที่ร้อนผ่าว



เขาเจ็บ



เจ็บแต่ไม่เคยจำ



ทั้งที่มีโอกาสแต่เขาก็ไม่คิดที่จะตัดใจ


รู้ทั้งรู้ว่ายองแจมีแฟนอยู่แล้วแต่ก็ยังดื้อด้านไปหลงรักเขา ตกหลุมรักที่ตัวเองขุดไว้แต่ยัดเยียดว่ายองแจเป็นคนขุดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่อาจขึ้นมาได้ กักขังตัวเองอยู่ในหลุมลึกๆที่ไม่ไม่มีบันไดให้ปีนป่ายหนีออกไป กักขังหัวใจอันบอบช้ำให้จมปลักอยู่กับหลุมที่ตนเป็นคนขุดโดยที่ไม่รู้แม้แต่ทางออก

“...”

“ม้ายยยย~ แจบอมอ่าาาา”



“...ฮึก…” ขอบตาร้อนผ่าวเริ่มมีหยดน้ำใสเออขึ้นคลอวงตากลม เขาปล่อยให้หยดน้ำตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดค่อยๆไหลรินลงมาตามกรอบหน้าหล่ออย่างไม่ปิดบัง นัยน์ตากลมยังคงจดจ้องไปที่ร่างรุ่นพี่อันเป็นที่รักของตนกำลังถุกแฟนหนุ่มของเขาซุกไซร้คลอเคลีย รู้ว่าเจ็บแต่ก็อยากให้มันเจ็บจนชา ให้มันตายด้านไปเลยยิ่งดี…

ความรักที่อยากจะครอบครองแต่ก็ไม่สามารถทำมันได้มันเจ็บ…

“ผมรักพี่...ผมอยากให้พี่มีความสุข” ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นมือที่กำแก้วแน่นก็ค่อยๆคลายออก

“ยองแจอ่านายรอยยิ้มนายเป็นของฉันแล้วนะเข้าใจมั้ย”





บางทีท้ายที่สุดแล้ว...การได้รักก็อาจจะเพียงพอแล้วสำหรับความรัก





การที่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุขมันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ ความรักมันไม่จำเป็นต้องครอบครองมันมาเป็นของตัวเอง เพียงแค่แอบมองความรักของเรานั้นมีความสุขผมว่ามันก็ไม่เลวเหมือนกันแม้ว่ารอยยิ้มนั้นมันจะไม่ใช่ของผม สายตานั้นไม่ใช่ของผม แต่ผมก็ยังอยากจะแอบมองมันแม้ไม่ใช่ของตัวเอง คอยดูแลความรักของเราให้มีความสุขอยู่ห่างๆเข้าไปหายามที่เขาต้องการหรือไม่มีใคร ผมว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันก็ดีสำหรับการแอบรักข้างเดียวที่สุดแล้วแหละ





ความรักไม่จำเป็นจะต้องครอบครองแต่ความรักคือการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข...






TALK::
ขอขอบคุณและสวัสดีคนที่กดเข้ามาอ่านจนจบนะคะ ไรต์เตอร์ชื่อ แพรว นะคะ ^^
ฟิคแนวหน่วงๆแบบนี้แพรวแต่งไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่เลยแต่อารมณ์มันพาไป 555
เป็นยังไงก็อยากให้รีดเดอร์ทุกคนได้ติชมเรานะคะจะได้นำมาปรับปรุงเนอะ
สามรถติชมคอมเม้นต์ฟิคของเราได้ที่ #ฟิคสั้นพีจีวาย นะคะ

Sky & Sea (yugjae) #ฟิคสั้นพีจีวาย

NOTE:: #yugjae TAG:: #ฟิคสั้นพีจีวาย Twitter:: @pgy_j Writer:: Maples_pgyj SONG:: Sky & Sea (เอิ๊ต ภัทรวี) ม...